การจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการและชุมชนภายใต้การบูรณาการความร่วมมือกับ
4. การประชุม สัมมนา สำหรับเจ้าของหรือผู้ทำการของสถานรับเลี้ยงเด็ก เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ วิธีการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพตลอดจนทราบถึงปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานและการแก้ไข เพื่อให้เด็กที่ได้รับบริการได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพของเด็กอย่างมีคุณค่า
กลุ่มที่ 6 ศูนย์เด็กเล็ก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นสถานศึกษาที่ให้การอบรมเลี้ยงดู จัดประสบการณ์และส่งเสริมพัฒนาการ การเรียนรู้ให้เด็กเล็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 – 5 ปี ให้มีความพร้อม ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตั้งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ส่วนราชการต่าง ๆ ที่ดำเนินการจัดตั้งสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ (ปัจจุบันอยู่ในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม) ดำเนินการในวัด/มัสยิด และสำนักงาน คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) ดำเนินการในโรงเรียน โดยเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ส่วนราชการต่าง ๆ ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งขึ้นเอง ถือว่าเป็นสถานศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 18 และมาตรา 4 ปัจจุบันทั่วประเทศมีอยู่ประมาณกว่า 19,000 แห่ง
บทบาทหน้าที่ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
คือ การให้บริการ การอบรมเลี้ยงดู การจัดประสบการณ์และส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นสถานศึกษาที่ให้การอบรมเลี้ยงดูจัดประสบการณ์และส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ให้เด็กเล็กได้รับการพัฒนา ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญาที่เหมาะสมตามวัยตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน ดังนั้น ระยะเวลาการจัดการเรียนรู้และแนวทางการจัดการเรียนรู้ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจึงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมเพื่อให้เด็กเล็กได้รับการศึกษาและพัฒนาเป็นไปตามวัยแต่ละช่วงอายุ สอดคล้องกับสังคม วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ให้เด็กเล็กพร้อมที่จะเข้ารับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นต่อไป ตาม ระยะเวลาเรียนรู้ในรอบปีการศึกษาโดยให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเปิดภาคเรียนรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 230 วัน โดยมีการให้บริการต่าง ๆ ดังนี้
1. การให้บริการส่งเสริมสนับสนุนเด็กเล็ก ได้แก่ อาหารกลางวัน อาหารว่าง เครื่องนอนอาหารเสริม (นม) วัสดุ สื่อ อุปกรณ์การศึกษา และวัสดุครุภัณฑ์ การตรวจสุขภาพเด็กเล็กประจำปี โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บริการอื่น ๆ ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อม เช่น เป็นศูนย์ 3 วัยและหรือศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เป็นต้น
2 การให้บริการอบรมเลี้ยงดู จัดประสบการณ์ และส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ให้เด็กเล็ก อายุ 2-5 ปี ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือใกล้เคียงได้ตามศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3. จัดประสบการณ์ และส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ ให้เด็กเล็กมีการพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน คือด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา ให้เหมาะสมตามวัย ศักยภาพของเด็กแต่ละคน ตามมาตรฐานการดำเนินงานศูนย์พัฒนาเด็กเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านวิชาการและกิจกรรมตามหลักสูตร
4. กรณีจำเป็นต้องใช้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อประชุม สัมมนา ฝึกอบรม จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร หรือกิจกรรมอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อราชการและชุมชน หรือเหตุจำเป็นอื่นที่ไม่อาจเปิดเรียนได้ตามปกติ ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สั่งปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้ไม่เกิน 15 วัน หากเป็นเหตุพิเศษที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติสาธารณะ ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สั่งปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้ไม่เกิน 30 วัน โดยให้ทำคำสั่งปิดเป็นหนังสือ และต้องกำหนดการเรียนชดเชยให้ครบตามจำนวนวันที่สั่งปิด
5. ในระหว่างปิดภาคเรียน หรือปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตามข้อ 1.4.5 ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีคำสั่งให้หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้ดูแลเด็ก ผู้ช่วยครู ผู้ดูแลเด็ก หรือพนักงานจ้างอื่นในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมาปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเตรียมการด้านวิชาการ หลักสูตร การจัดการเรียนรู้แก่เด็กเล็ก สื่อ นวัตกรรม วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ การจัดสภาพแวดล้อม หรือการพัฒนาศูนย์ในด้านต่าง ๆ หรืองานด้านการศึกษาปฐมวัยอื่น
การกำหนดอัตราบุคลากรในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 อัตรา มีอัตราครูผู้ดูแลเด็กเป็นไปตามสัดส่วน (ครู:นักเรียน) 1:20 หากมีเศษตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ให้เพิ่มครูผู้ดูแลเด็กได้อีก 1 คน โดยจัดการศึกษาห้องละ 20 คน สำหรับอัตราผู้ช่วยครูผู้ดูแลเด็ก และตำแหน่งอื่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณากำหนดให้มีได้ตามจำนวนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับฐานะการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ภารกิจในการพัฒนาเด็กปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยเน้นที่การเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก การให้ความรักความอบอุ่น ส่งเสริมพัฒนาการสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี ให้เกิดวุฒิภาวะทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยให้โอกาสทั้งเด็กปกติ เด็กด้อยโอกาส และเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ให้ได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ หลักสูตรการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่ครอบคลุม ด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา ดังนี้ (กรมวิชาการ 2546)
1. ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย และมีสุขนิสัยที่ดี
2. กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสาน สัมพันธ์กัน
3. มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข
4. มีคุณธรรม จริยธรรมและมีจิตใจที่ดีงาม
5. ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี การเคลื่อนไหว รักการออกกำลังกาย
6. ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย
7. รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและความเป็นไทย
8. อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
9. ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
10. มีความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาเหมาะสมกับวัย
11. มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
12. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีทักษะในการแสวงหาความรู้
ตัวอย่างศูนย์เด็กเล็ก

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านป่าไร่
ชื่อศูนย์ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กป่าไร่ สังกัด เทศบาลตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
สีประจำศูนย์ สีขาว - ส้ม
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์
สีส้ม หมายถึง ความอ่อนโยน สดใสร่าเริง
สีขาว-ส้ม หมายถึง ความบริสุทธิ์ สดใส และความร่าเริงของเด็ก
ปรัชญา
เล่นให้มีความสุข สนุกให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
คำขวัญ
คิดดี ทำดี เป็นคนดีของสังคม
วิสัยทัศน์
ส่งเสริมความพร้อม นอบน้อมถ่อมตน
จิตใจอ่อนโยน สู่วัฒนธรรมอันดีงาม
วิสัยทัศน์การศึกษาปฐมวัย
“เด็กปฐมวัยในท้องถิ่นทุกคน ได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ มีความพร้อมด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม เรียนรู้อย่างมีความสุข เติบโตอย่างมีคุณภาพ”
ภารกิจการจัดการศึกษาปฐมวัย
1. จัดกิจกรรมส่งเสริม สุขภาพกาย และสุขภาพจิต
2. จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
3. จัดกิจกรรมส่งเสริมรักการอ่าน และการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
4. จัดกิจกรรมเสริมสร้างสำนึกในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น
5. จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิด การแก้ปัญหา และการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน
6. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างหลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
7. จัดบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้
8. พัฒนาครูและบุคลากรที่จัดการศึกษาปฐมวัย
9. พัฒนาสื่อ/แหล่งเรียนรู้ให้เหมาะสม ปลอดภัย และส่งเสริมพัฒนาการของผู้เรียน
10. พัฒนาระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพโดยชุมชน และผู้ปกครองมีส่วนร่วม
11. ส่งเสริม สิทธิโอกาสทางการศึกษาในครอบคลุมผู้เรียน ทุกประเภท
ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย
การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง ๕ ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคม-วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรักความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคนเพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเอง และสังคม
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
หลักสูตรการศึกษาปมวัย (ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก) เป็นการจัดการศึกษา โดยดำเนินการในลักษณะของการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา เด็กจะได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคมและด้านสติปัญญา ตามวัยและความสามารถของแต่ละบุคคล
จุดหมาย
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย(ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก) มุ่งหมายให้เด็กมีพัฒนาการด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคลจึงกำหนดจุดหมายซึ่งถือเป็นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ดังนี้
1. ร่างกายเจริญเติบโต โตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี
2. กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน
3. มีสุขภาพจิตดี และมีความสุข
4. มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม
5. ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี การเคลื่อนไหว และรักการออกกำลังกาย
6. ช่วยเหลือตนเองได้อย่างเหมาะสมกับวัย
7. รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นมา
8. อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
9. ใช้ภาษาสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
10. มีความสามารถในการคิดและแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
11. มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
12. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีทักษะในการแสวงหาความรู้
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
1. เด็กทุกคนมีความพร้อม กล้าแสดงออก และพัฒนาการทุกด้านเหมาะสมกับวัย
2. เด็กทุกคนมีนิสัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รักการอ่าน และแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
3. เด็กทุกคนมีร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพจิตดี
4. เด็กทุกคนมีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์ ประหยัด และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
5. เด็กทุกคนมีทักษะกระบวนการคิด การแก้ปัญหา และช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้เหมาะสมกับวัย
6. เด็กทุกคนได้รับการปลูกฝังให้มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
7. เด็กทุกคนมีมารยาท และปฏิบัติตนตามขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมไทย
8. เด็กทุกคนมีทักษะในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
หลักการจัดการศึกษาปฐมวัย
เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการ ตลอดจนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขั้นของพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุลและเต็มศักยภาพ โดยกำหนดหลักการ ดังนี้
1. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกประเภท
2. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรมไทย
3. พัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย
4. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ และมีความสุข
5. ประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก

กลุ่มที่ 7 โรงเรียนเตรียมประถม

ชั้นเตรียมประถมคืออะไร
ชั้นเตรียมประถม ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ระหว่างโรงเรียนอนุบาลกับโรงเรียนประถม ตลอดระยะเวลาเรียนของเด็ก ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุครบ ๑ ขวบ ไปจนถึงจบชั้นมัธยมปลาย จะถูกกำหนด โดยหลักสูตรการศึกษา ซึ่งโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน และโรงเรียนมัธยมปลาย ต่างก็มีหลักสูตรการศึกษาของตัวเองโดยเฉพาะ โดยชั้นเตรียมประถมจะใช้หลักสูตรการศึกษาเดียวกับโรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่ง เมืองความรู้แห่งเฮลซิงบอร์ย มองสิ่งนั้นว่าเป็นการติดตามพัฒนาการตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่
ชั้นเตรียมประถมจะเป็นการศึกษาโดยสมัครใจ แต่เด็กที่มีอายุหกปีในสวีเดนส่วนมาก จะเข้าเรียนในชั้นนี้ เทศบาลจะมีหน้าที่ในการเปิดรับ และจัดการเรียนการสอนในชั้นเตรียมประถมให้แก่เด็ก
ใครมีสิทธิ์เข้าเรียนได้บ้าง
เด็ก ๆ มีสิทธิ์เข้าเรียนชั้นเตรียมประถมเมื่ออายุ 6 ปี ซึ่งเปิดรับเข้าเรียนตามความสมัครใจ และเด็กส่วนมากจะเข้าเรียนในชั้นนี้ เด็กมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะเรียนชั้นเตรียมประถมในโรงเรียนอนุบาลเดิม หรือสถานอบรมดูแลเด็กสำหรับกลุ่มอายุ 6 ปี
เด็กทุกคนมีสิทธิ์เข้าเรียนในชั้นเตรียมประถม แต่กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องเรียนชั้นนี้
โดยส่วนใหญ่ชั้นเตรียมประถม จะจัดอยู่ในหรืออยู่ใกล้กับโรงเรียน ที่นักเรียนจะเข้ารับการศึกษาขั้นพื้นฐานในชั้นปีที่ 1
ชั้นเตรียมประถมมีลักษณะเป็นอย่างไร
ชั้นเตรียมประถม เป็นการศึกษาเชื่อมต่อจากชั้นอนุบาลไปสู่การศึกษาภาคบังคับหรือขั้นพื้นฐาน โดยจะผสมผสานรูปแบบการดำเนินงานและวิธีการ ระหว่างโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนขั้นพื้นฐานเข้าด้วยกัน
- จุดประสงค์ของชั้นเตรียมประถม คือ เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนมีพัฒนาการและการเรียนรู้ และเตรียมพร้อมสำหรับการศึกษาในอนาคต รวมถึงส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่กลมกลืน การเล่น และความคิดสร้างสรรค์ รวมกันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกิจกรรมการเรียนการสอน การศึกษานี้ควรจะยึดมุมมององค์รวมและความจำเป็นของนักเรียนเป็นหลัก
- กิจกรรมการเรียนการสอนจะใช้เวลาวันละประมาณสามชั่วโมง ช่วงที่เหลือนักเรียนส่วนใหญ่จะเข้าศูนย์นันทนาการ หรือสถานรับอบรมดูแลเด็ก
- เทศบาลมีหน้าที่ จัดการเรียนการสอนชั้นเตรียมประถม และรับนักเรียนเข้าเรียนในชั้นนี้ ชั้นเตรียมประถมที่ดำเนินการโดยโรงเรียนเอกชน จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แทนชั้นเตรียมประถมในสังกัดเทศบาล
- ชั้นเตรียมประถม จะเปิดให้เข้าเรียนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
- ในชั้นเตรียมประถมเราไม่ได้คาดหวังว่านักเรียนต้องผ่านเกณฑ์ความรู้ในวิชาต่างๆ แม้ว่าเราจะเริ่มฝึกฝนเรื่องต่างๆ ทีละ น้อย แต่ในชั้นนี้นักเรียนไม่จำเป็นต้องอ่านได้ เขียนได้ หรือนับเลขได้ เรารู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาเด็กก็จะเป็นเอง เพราะในวัยนี้ เด็กกำลังอยากรู้อยากเห็น และอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่แล้ว
ในชั้นเตรียมประถม เขาทำอะไรกันบ้าง
- ชั้นเตรียมประถมต้องปฏิบัติตามหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ความอยากรู้อยากเห็น และความสนใจของเด็กจะเป็นตัวกำหนดการดำเนินงานด้านการศึกษาของเรา ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้ที่จะแสดงความคิด พัฒนาความเชื่อถือในความสามารถของตนเองในการแก้ปัญหาต่างๆ ฝึกการร่วมมือกับผู้อื่น ตลอดจนฝึกฝนในเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
- ในชั้นเตรียมประถมเราจะทำแบบฝึกหัดง่ายๆ สลับกับการพัก และการเล่นตามอัธยาศัย เด็กๆ จะทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนและเลิก เรียนประมาณ 12.00 น. หลังจากนั้นคุณมีโอกาสที่จะเลือกให้ลูกของคุณอยู่ต่อที่ศูนย์นันทนาการหลังเลิกเรียนได้ โดยศูนย์ นันทนาการจะจัดกิจกรรมทางการศึกษาและเป็นส่วนเสริมของโรงเรียน ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เล่น และทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกับคนอื่นๆ
ชั้นเตรียมประถมอยู่ภายใต้ข้อบังคับใด
- หลักสูตรการศึกษากิจกรรมการเรียนการสอนในชั้นเตรียมประถม จะใช้หลักสูตรการศึกษาเดียวกับโรงเรียนขั้นพื้นฐาน และศูนย์นันทนาการ สองส่วนแรก - ค่านิยมหลักและภารกิจของโรงเรียน รวมถึงเป้าหมายโดยรวม และแนวทางการศึกษา ซึ่งจะครอบคลุมชั้นเตรียมประถมและศูนย์นันทนาการด้วย สำหรับชั้นเตรียมประถม ที่จัดโดยโรงเรียนการศึกษาเฉพาะ จะมีหลักสูตรการศึกษาเฉพาะกำกับ
- กฎหมายว่าด้วยการศึกษา กฎหมายว่าด้วยการศึกษา ประกอบด้วย บทบัญญัติหลักเกี่ยวกับการศึกษาชั้นเตรียมประถม และการศึกษาประเภทอื่น รวมถึงศูนย์นันทนาการ และการรับอบรมดูแลเด็ก
ศูนย์นันทนาการคืออะไร
ศูนย์นันทนาการเป็นกิจกรรมเสริมการศึกษาและเปิดให้บริการตลอดปีศูนย์นันทนาการจะช่วยให้นักเรียนมีสภาวะการเจริญเติบโตที่เหมาะสมด้วยการส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการและการเรียนรู้ของนักเรียนโดยส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองทำงานควบคู่กับการเป็นพ่อแม่ได้
ศูนย์นันทนาการเป็นกิจกรรมทางด้านการศึกษาแบบกลุ่มสำหรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปจนถึงจนเทอมฤดูใบไม้ผลิในปีที่นักเรียนมีอายุครบ 13 ปีศูนย์นันทนาการมีหน้าที่ส่งเสริมการศึกษาและเปิดให้นักเรียนใช้เวลาว่างและนันทนาการอย่างมีประโยชน์ในขณะเดียวกันศูนย์นันทนาการจะต้องดำเนินงานอย่างระบบเพื่อทำให้ผู้ปกครองสามารถทำงานหรือเรียน
ศูนย์นันทนาการช่วยส่งเสริมการศึกษาสองด้านดังนี้
- ด้านเวลาโดยรับนักเรียนในช่วงที่ไม่มีการเรียนการสอนและช่วงโรงเรียนหยุด
- ด้านเนื้อหาโดยให้นักเรียนได้รับประสบการณ์และความรู้นอกเหนือจากการเรียนรู้ปกติในห้องเรียนโรงเรียนและศูนย์นันทนาการควรร่วมมือกันช่วยส่งเสริมนักเรียนให้มีพัฒนาการและการเรียนรู้รอบด้านการศึกษาของศูนย์นันทนาการจะต้องทำให้นักเรียนรู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้โดยควรยึดความสนใจและประสบการณ์ของนักเรียนเป็นหลักและปรับให้เหมาะสมตามพื้นฐานที่แตกต่างกันของนักเรียนแต่ละคน
หนังสือหรับหรับชั้นเตรียมประถม
ตัวอย่างโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนในระดับชั้นเตรียมประถม
โรงเรียนดรุณพัฒน์
ถ.ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900
แนวทางการสอนระดับเตรียมประถม และประถมศึกษา
1. นักเรียนมีเวลาเรียนเฉลี่ยวันละ 6 ช.ม. นักเรียน G.1 – G.3 สอนโดยครูประจำชั้นชาวต่างประเทศ ทุกสาระ ยกเว้น วิชาศิลปะ ภาษาไทย สังคมศึกษา สอนโดยครูประจำชั้นคนไทยและเน้นกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติและการบูรณาการ
2. นักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 8 กลุ่มสาระ สอนเป็นภาษาอังกฤษ 70 %โดยประมาณและภาษาไทย 30% โดยประมาณ และเน้นภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเป็นสำคัญ
3. นักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาที่ตอบสนองความสามารถตามความถนัดและความสนใจในคาบเรียนที่ 7 และ 8 Club พร้อมด้วยการเสริมภาษาจีนสัปดาห์ละ 1 คาบ
4. นักเรียนเข้าร่วมและปฏิบัติกิจกรรมที่เหมาะสมร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
5. เมื่อเรียนจบแต่ละช่วงชั้น นักเรียนมีคุณภาพด้านความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม ตามมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น และสอบ NT เมื่อจบช่วงชั้นที่1

กลุ่มที่ 8 สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

ความหมายของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือ โรงเรียนเด็กเล็ก เปิดขึ้นเพื่อรับเด็กอายุโดยประมาณ 1ขวบครึ่ง ถึง 3 ขวบ ทำหน้าที่ในการดูแล ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและภาษา ช่วงเวลาเปิดเรียนอาจเป็นเรียนเต็มวันหรือครึ่งวัน แล้วแต่ความต้องการของผู้ปกครองหรือชุมชน
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยดำเนินการโดย รัฐบาล และหน่วยงานเอกชนที่มีอยู่หลายรูปแบบมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น
-สถานรับเลี้ยงเด็ก
-ศูนย์โภชนาการ
-ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
-โรงเรียนอนุบาล
หน่วยงานที่จัดคือ
- กรมพัฒนาชุมชน
- กรมอนามัย
- กรมอาชีวศึกษา
- สมาคมมูลนิธิต่าง ๆ
- กรมประชาสงเคราะห์ ซึ่งปัจจุบัน คือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ 294 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ได้ให้ความหมายของคำว่า สถานรับเลี้ยงเด็ก หมายถึง สถานที่รับเลี้ยงเด็กซึ่งมีอายุไม่เกิน 7 ปีบริบูรณ์ และมีจำนวนเกิน 5 คน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้เลี้ยง แต่ไม่รวมถึงสถานพยาบาล หรือโรงเรียนอนุบาล
ลักษณะของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
1. แยกอิสระ
เป็นบริการตามบ้าน หรือสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นบริการแก่ชุมชน เช่น บ้าน วัด โรงพยาบาล วิทยาลัยพยาบาล โรงงาน เป็นต้น โรงเรียนเด็กเล็กประเภทนี้จะใช้ชื่อต่าง ๆ กัน เช่น ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็ก เป็นต้น
2. ขึ้นอยู่กับโรงเรียนอนุบาล
มักจะเรียกว่า ชั้นเด็กเล็ก (Nursery Class) บางแห่งเรียกเตรียมอนุบาลโรงเรียนเด็กกลุ่มนี้รวมถึงโรงเรียนเด็กเล็กของมหาวิทยาลัยด้วย
3. ขึ้นอยู่กับโรงเรียนประถมศึกษา
โรงเรียนประถมศึกษาบางแห่งจะจัดการศึกษา ทุกระดับตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก ชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเบ็ดเสร็จสำหรับการศึกษาปฐมวัย
ตัวอย่างสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ประวัติความเป็นมาของศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย
เด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าสูงสุดของประเทศ การเลี้ยงดูเด็กให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณที่สมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้เลี้ยงดูเด็กทุกคนจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญนี้ ประกอบกับในสังคมปัจจุบัน บิดา มารดาต้องช่วยกันรับผิดชอบในการหารายได้เพื่อความมั่นคงของครอบครัว ทำให้ภาระหน้าที่ในการเลี้ยงดูอยู่กับคนอื่น คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดการศึกษาการเจริญเติบโต และพัฒนาการ การบริบาลเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพดีและการให้บริการวิชาการแก่สังคม ในการช่วยเหลือบิดา มารดา ท่านผู้ปกครองที่จะดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะเด็กตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ ถึง 3 ปี ซึ่งเป็นวัยที่การเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างรวดเร็วเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต จึงได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยขึ้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา
วิสัยทัศน์
เป็นศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยต้นแบบ ให้บริการที่เป็นเลิศด้วยความรู้
คู่คุณธรรมบูรณาการนวัตกรรมสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมนำการวิจัยสู่การพัฒนา พันธกิจ 1. บริการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน 2. พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม และทักษะที่จำเป็นในการดูแลเด็ก 3. พัฒนาคู่มือ หลักสูตรและโครงการสร้างการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ 4. เป็นศูนย์กลางการศึกษา การวิจัย และการบริการวิชาการแก่สังคม ในการสร้างเสริมสุขภาพเด็กปฐมวัย 5. บูรณาการวิจัยและนวัตกรรมสู่การปฏิบัติการและพัฒนาการเรียนการสอน 6. สร้างระบบการประกันคุณภาพ การปรับปรุงคุณภาพ และระบบการจัดการภายใน โดยมีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จัดสภาพแวดล้อม สร้างความแข็งแกร่งของครอบครัว เพื่อช่วยให้เด็กเกิดการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
สถานที่ตั้ง
อาคารศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยตั้งอยู่บนถนนยูงทอง เป็นอาคารชั้นเดียว อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนประถมศึกษาธรรมศาสตร์ ในบริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 0-2564-4440-79 ต่อ 1095-1096 โทรสาร ต่อ 1095
การให้บริการของศูนย์ฯ
- การประเมินภาวะสุขภาพ
- การดูแลด้านโภชนาการ
- การสร้างสุขนิสัย
- การดูแลเมื่อเจ็บป่วย
- กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการ
- การให้บริการวิชาการ
- โครงการคลังสมองของพ่อแม่ ให้บริการยืม-คืน หนังสือ นิตยสาร หนังสือนิทาน
- ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ ปัญหาพฤติกรรมเด็กโดยคณาจารย์พยาบาลสาขาเด็กตามเวลาปกติ
- รับดูแลเด็กรายวัน
- รับดูแลเด็กโครงการภาคฤดูร้อน
- จัดทำจดหมายสัมพันธ์ถึงผู้ปกครองเดือนละฉบับ รายละเอียดที่แจ้งเช่น ตารางกิจกรรมประจำเดือน เมนูอาหารประจำเดือน สาระเกี่ยวกับเด็ก ๆ มุมนิทาน เพลง ศิลปะสำหรับเด็ก

Skill (ทักษะ)
- การคิดวิเคราะห์
- การตอบคำถาม
Application (การประยุกต์ใช้)
นำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับการเรียนการสอน และการเป็นครูที่ดีในอนาคต เพื่อจัดการศึกษาให้เด็กตามบริบทของสังคมที่เด็กอยู่ให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตามศักยภาพของเด็ก
Technical Education (เทคนิคการสอน)
- เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- ใช้คำถามในการกระตุ้นผู้เรียน
- เทคนิคการใช้คำถาม
- เสริมความรู้จากที่เพื่อนนำเสนอ
Evaluation (การประเมิน)
Self: เข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน แต่มีบางครั้งที่ง่วงนอน
Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถาม แต่เพื่อนบางคนคุยกันเสียงดัง
Teacher : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย เวลาสอนก็จะสอนแบบละเอียด คอยกระตุ้นให้นักศึกษากระตือรือล้นในการเรียน และใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล สูง ต่ำ ตามจังหวะของการสอน แต่น่าจะกิจกรรมให้ทำระหว่างการเรียนการสอนเพื่อให้นักศึกษาตื่นตัวกับการเรียนมากยิ่งขึ้น