วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

 Lesson 9 

บันทึกอนุทิน

วิชา การบริหารสถานศึกษาปฐมวัย (Pre-School Administration)
อาจารย์ผู้สอน : อาจารย์กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
ประจำวันที่ :  8 มีนาคม 2560
เรียนครั้งที่ 8  เวลา 12:30-15:30 น.
กลุ่ม 102  ห้องเรียน 34-501

Knowledge (ความรู้)


นำเสนอคำคม

เลขที่ 14 นางสาวสุนันทา เอมสรรค์




"นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ"


เทคนิคการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีสำหรับการเป็นผู้บริหาร


ความหมายของบุคลิกภาพ

       ลักษณะทั้งภายนอกและภายในที่รวมอยู่ในตัวบุคคลหนึ่งและเป็นผลทำให้บุคคลนั้น มีความแตกต่างไปจากบุคคลอื่นๆ บุคลิกภาพแบ่งออกเป็น 2 สภาพ ด้วยกันคือ
  • บุคลิกภาพภายนอก สามารถสังเกตเห็นหรือสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้โดยการฝึกเลียนแบบ และสามารถวัดผลได้ทันที บุคลิกภาพภายนอกที่สำคัญที่สุด คือ บุคลิกภาพทางกายและวาจา
  • บุคลิกภาพภายใน หมายถึง บุคลิกภาพที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเป็นส่วนที่สัมผัสได้ค่อนข้างยากและต้องใช้เวลาในการสัมผัส

ประเภทของบุคลิกภาพ

        บุคลิกภาพภายนอก คือ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกของแต่ละคนสามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แบ่งเป็น 4 หมวด คือ
  • 1.รูปร่างหน้าตา
  • 2.การแต่งกาย
  • 3.กิริยาท่าทาง
  • 4.การพูด
        บุคลิกภาพภายใน คือ สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ หรืออุปนิสัยใจคอที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แก้ไขได้ยาก เช่น
  • 1. ความเชื่อมั่นในตนเอง
  • 2. ความกระตือรือร้น
  • 3. ความรอบรู้
  • 4. ความคิดริเริ่ม
  • 5. ความจริงใจ
  • 6. ไหวพริบปฏิภาณ
  • 7. ความรับผิดชอบ
  • 8. ความจำ
  • 9. อารมณ์ขัน

การมองตัวเองในกระจก
  • การมองเห็นตัวเอง
  • การยอมรับตัวเอง
  • การเข้าใจตัวเอง
  • เชื่อถือในตัวเอง
**รูปภาพให้แง่คิด**


จากรูปคุณมองเห็นน้ำในแก้วเป็นอย่างไร?


"
มีแค่ครึ่ง หรือ มีตั้งครึ่ง"




การจำแนกบุคลิกภาพ 4 แบบ(Harris 1973)



การยอมรับตนเอง หน้าต่างของ Johara’s windor ,1955


         ในแต่ละครั้งที่เราต้องพบเจอผู้คนในองค์กรหรือนอกองค์กรการสนทนา การแสดงความคิดเห็น หรือการพูดให้ความรู้ การนำเสนองานต่างๆนั้น ควรประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เนื้อหาสาระของคำพูด
7 % น้ำเสียง 38 % กิริยาท่าทาง(บุคลิกภาพ) 55 %
  • 1.การใช้สายตา การมอง การสบสายตาขณะพูด
  • 2.การแต่งกาย
  • 3.ภาษาพูด จังหวะการพูด ระดับเสียง
  • 4.การเดิน/การนั่ง
  • 5.การแสดงออกและท่าทาง การไหว้ การรับไหว้
  • 6.ความสะอาด
  • 7.สุขภาพต้องดี คนป่วยคงไม่มีใครอยากเข้าใกล้


สาเหตุที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ คือ "ความท้อถอย"

          บุคลิกภาพที่ไม่สร้างสรรค์และอยู่ภายในตัวตนแล้วทำให้ความเป็นคนๆนั้นไม่สมบูรณ์ ได้แก่ความท้อถอยแม้ว่าเป็นประโยคสั้นๆ แต่ถ้าอาการนี้ถ้าเกิดขึ้นกับใครแล้ว อาการนี้จะเข้ามาทำลายความสมดุลในตัวเรา เข้ามาแทรกในความรู้สึกนึกคิดทำให้พลังและศักยภาพของเราลดน้อยลงกว่าครึ่ง ในเรื่องความท้อถอยมักเกิดขึ้นกับบุคคลที่อยู่ในช่วงอายุ 20 – 40 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลในช่วงอายุอื่นจะไม่มีความท้อ บางท่านอาจเกิดอาการท้อเป็นช่วงๆ บางท่านโชคดีไม่รู้จักความท้อ


ความท้อถอยสามารถสังเกตได้จากอาการ 3 ลักษณะ คือ
  • 1.ลักษณะของความท้อถอยทางด้านอารมณ์หรือความอ่อนล้าทางอารมณ์ ได้แก่ความรู้สึกเบื่อหน่าย ความอ่อนล้า หมดเรี่ยวหมดแรง เกิดความเครียด ความขับข้องใจ ไม่สบอารมณ์
  • 2.ลักษณะของความท้อถอยที่เกิดจากสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น ได้แก่ ลักษณะของบุคคลที่ไม่สนใจในพฤติกรรมของใครๆ ไม่ยินดียินร้าย ใครจะทักก็ช่าง ใครไม่ทักก็ช่าง ไม่ใส่ใจพฤติกรรมของคนอื่น มีเจตคติและแนวคิดที่ไม่ดีต่อคนอื่น มองคนอื่นในแง่ร้าย
  • 3.ลักษณะของความท้อถอยที่เกิดจากการไม่สบความสำเร็จในการทำงานของคนบางท่านอาจรู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถ การทำงานล้มเหลว งานไม่สมกับที่ตั้งใจไว้ บุคคลกลุ่มนี้จะมองคุณค่าของตนเองต่ำ

สาเหตุของความท้อถอย

  • -ด้านบุคลิกภาพ บุคลิกภาพที่พึ่งพาคนอื่น บุคลิกภาพที่ขาดความอดทน ขาดความอดกลั้น บุคลิกภาพที่เชื่อมั่นตนเองสูง บุคลิกภาพที่มีความรับรู้ตนเองต่ำ จิตใจไม่มั่นคง ไม่มั่นใจในทุกเรื่อง
  • -ด้านอายุ บุคคลที่มีอายุน้อย ความท้อถอย มีมากกว่าบุคคลที่สูงอายุ ทั้งนี้เพราะความท้อถอยมีความสัมพันธ์กับประสบการณ์ วุฒิภาวะ การรู้จักชีวิตมากขึ้น
  • -ด้านสถานภาพการสมรส ความท้อมักเกิดกับคนโสดมากกว่าคนสมรสแล้ว ความท้อยังสัมพันธ์กับความเหงา คนโสดทั้งหญิงและชาย ถ้าเกิดอาการท้อถอย บุคคลในกลุ่มนี้จะเกิดอาการนานและค่อนข้างรุนแรง
  • -ด้านการปฏิบัติงานในความรับผิดชอบ เริ่มตั้งแต่สองปีแรกของการทำงานบุคคลจะเกิดความท้อได้ง่าย ยิ่งปฏิบัติงานแบบไม่มีใครช่วยใคร บุคคลยิ่งเกิดอาการท้อมากขึ้น

แนวทางและวิธีการในการแก้ไขอาการท้อถอย

  • 1.ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแก้ไขที่ตัวเราเองเท่านั้น
  • 2.อย่าเป็นคนตั้งความหวัง ความปรารถนาที่สูงสุดเอื้อม
  • 3.สร้างเจคติเรื่องงานใหม่ให้ท่านคิดว่า “งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุขทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงาน"
  • 4.มองหาจุดมุ่งหมายในชีวิตใหม่

ครูกับการพัฒนาตน

  • 1.การพัฒนาตนเป็นการที่บุคคลพยายามหาวิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ตนเองก้าวไปสู่การเป็นผู้มีบุคลิกภาพที่สมบูรณ์ในขอบเขตที่มีความเหมาะพอดีกับความสามารถของผู้นั้น และเหมาะสมกับค่านิยมของสังคมเพื่อการมีชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข การพัฒนาคนนับเป็นสิ่งสำคัญในอันที่จะนำไปสู่การพัฒนาอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นครู
  • 2.ครูควรพัฒนาตนเองใน 2 ลักษณะคือ

          1.การพัฒนาตนเองในด้านวิชาชีพ เพื่อการประกอบวิชาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่
         
             -การพัฒนาในด้านความรู้
             -การพัฒนาในด้านเทคโนโลยี
             -การพัฒนาในด้านคุณลักษณะกับเจคติ
           2.การพัฒนาตนเองในด้านการเป็นสมาชิกของสังคม เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
            -การรู้จักตนเองและเข้าใจตนเอง
            -การสำรวจตนเอง
            -การปรับปรุงตนเองในด้านการพัฒนาบุคลิกภาพภายนอก-ภายใน การพัฒนาลักษณะนิสัยที่ดี การพัฒนามนุษยสัมพันธ์ การพัฒนาการเรียนรู้


การพัฒนาตนเองควรประกอบไปด้วยขั้นตอน ดังนี้

  • 1.พยายามค้นพบตนเอง ทำความรู้จักตนเอง โดยหมั่นตรวจตราพิจารณาตนเองถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนการกระทำของตนเอง นอกจากนี้ควนสนใจรับฟังความคิดเห็น หรือคำวิจารณ์ของบุคคลอื่นที่มีต่อตัวเราบ้าง ต่อจากนั้นให้หันกลับมาพิจารณาตนเองในแง่มุมเหล่านี้

                1.1 ตัวของเราที่เป็นจริงเป็นอย่างไร
                1.2 ตัวของเราที่รับรู้เป็นอย่างไร
                1.3 ตัวของเราที่เราอยากจะเป็น เป็นอย่างไร


หลักและวิธีเสริมสร้างบุคลิกภาพ
การยืน เดิน นั่งเป็นส่วนสำคัญที่บอกถึงบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลอิริยาบถคือการเดิน ยืน นั่ง เปิด-ปิดประตู ขึ้นลงรถ อย่างถูกต้องสวยงาน
การรู้จักทำให้ตัวเข้ากับบุคคล สถานที่ และเวลา อย่างถูกต้องถือว่ามีมารยาททางสังคมที่ดี เช่น การรู้จักกราบไหว้ที่ถูกวิธี และถูกกาลเทศะ การรู้จักธรรมเนียมของชาวต่างชาติ การปฏิบัติตนในงานเลี้ยงต่างๆการไปเยี่ยมคนป่วย การมอบดอกไม้แสดงความยินดีหรือให้ผู้อาวุโส เป็นต้น
บางครั้งเราอาจจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ และอาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุกวินาทีนั้น เราต้องพร้อมเสมอที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ในลักษณะที่พร้อม คือไม่ตกใจ ดีใจ เสียใจ กลัว เกินกว่าเหตุ สามารถควบคุมท่าทางของตนเองได้เป็นอย่างดี


แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ

  • การรักษาสุขภาพอนามัย

 -ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
 -รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
 -ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มหรือลดเกินปกติ
 -ละเว้นการสูบบุหรี่หรือยาเสพติดให้โทษทกชนิด
 -ไม่ดื่มสิ่งของที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน
 -พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ วันละ 7-8 ชม.
 -รักษาอารมณ์ให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ

  • การดูแลร่างกาย

-รักษาความสะอาดในช่องปากและฟัน
-ดูแลรักษาเส้นผมและทรงผมให้เรียบร้อยทั้งด้านความสะอาดและรูปร่าง
-โกนหนวดเคราให้เกลี้ยงเกลา ตัดและขริบให้เรียบร้อย
-รักษาผิวพรรณให้สะอาดสดชื่นอยู่เสมอ อย่าให้ผิวแห้งกราน
-รักษากลิ่นตัว
-รู้จักการแต่งหน้าแต่พองาม
-ดูแลเล็บมือ เล็บเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ
-ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและชุดชั้นในที่สวมใส่ทุกวัน
-ควรมีการเช็คร่างกายเป็นประจำทุกปี
-เมื่อร่างกายมีอาการผิดปกติรีบไปปรึกษาแพทย์

  • การแต่งกาย

-สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ซักรีดให้เรียบ
-สีสันไม่ฉูดฉาดควรเลือกสีให้เหมาะสมกับรูปร่างและผิวพรรณของตนเอง
-กระเป๋าถือและรองเท้า ควรใช้หนังที่มีคุณภาพดี สีเรียบ สำรวจส้นรองเท้าจัดการซ่อมแซมให้เรียบร้อย
-แต่งหน้าให้แนบเนียน ไม่แต่งเข้มผิดธรรมชาติ เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีคุณภาพดี
-เล็บและการทาเล็บ ไม่ควรไว้เล็บยาวจนเกินไป ควรเลือกสีกลางๆ อย่าปล่อยให้สีถลอกจะไม่น่าดู
-ผม หมั่นสระให้สะอาด อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แปรงหวีให้เรียบร้อย เลือกทรงผมที่รับกับใบหน้า
-เครื่องประดับ ควรใช้เพื่อเสริมการแต่งกายให้ดูดีขึ้น แต่ไม่ควรใช้เครื่องประดับมากจนเกินไปจนดูสะดุดตารกรุงรังไปหมด
-ควรแต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม
-ควรแต่งตายให้เหมาะสมกับกาลเทศะ

  • อารมณ์

        รู้จักควบคุมอารมณ์ไม่ปล่อยอารมณ์ไปตามใจตนเอง คนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองได้จะได้เปรียบและจะเอาชนะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้ ในการปฏิบัติงานเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนอารมณ์กันอยู่เสมอ
  ฉะนั้น บุคคลใดที่ต้องการจะพัฒนาบุคลิกภาพของตนให้ดีขึ้นจะต้องเป็นคนรู้จักอดทนใจเย็นเมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเกิดขึ้น

  • ความเชื่อมั่นในตนเอง

-ยอมรับในความสามารถในตนเอง
-อย่าเล็งผลเลิศในการทำงานจนเกินไป
-อย่าถือคติว่าการทำงานสิ่งใดเมื่อทำแล้วต้องดีที่สุด
-อย่านำความเก่งของผู้อื่นมาทับถมตนเอง
-หมั่นฝึกจิตใจตนเองให้ชนะความกลัวให้ได้


การพัฒนาบุคลิกภาพด้านความรู้สึกนึกคิด

  •  ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ถ้ามีความรู้สึกนึกคิดในด้านดีไม่มองคนในแง่ร้ายจิตใจก็เป็นสุข ไม่มีความกังวล ดังนั้นจึงควรพัฒนาบุคลิกภาพด้านความรู้สึกนึกคิดดังนี้

1.มีความเชื่อมั่นในตนเองในการกระทำสิ่งต่างๆ
2.มีความซื่อสัตย์ กระทำตนให้ผู้อื่นเชื่อถือเรา แล้วความไว้วางใจจะตามมา มีเรื่องสำคัญเขาก็จะให้เราทำ
3.มีความสามารถที่จะทำสิ่งเหล่านั้น ให้เหมาะสมกับผู้ที่มอบหมายไว้วางใจให้ทำ
4.มีความกระตือรือร้นที่อยากจะทำ เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ
5.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักปรับปรุงงานอยู่เสมอ
6.มีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องมีความห่วงใยจะต้องทำให้เสร็จทันตามกำหนดเวลา
7.มีความรู้
8.ห่วงตัวเอง เติมชีวิตให้กับตัวเอง
9.มีความจำแม่น
10.วางตัวเหมาะสมกับกาลเทศะ


การพัฒนาบุคลิกภาพด้านกายบริหารทรวดทรง

  • องค์ประกอบของทรวดทรง ขึ้นอยู่กับกลไกของการเคลื่อนไหวของร่างกายและโครงสร้างของร่างกายไม่ว่าหญิงหรือชายก็ชอบที่จะมีรูปร่างงามทั้งนั้น ผู้ชายก็ต้องการมีรูปร่างสมาร์ท ผู้หญิงก็ต้องการมีเอวบาง ร่างน้อย มีสุขภาพดี การมีรูปร่างงาม สุขภาพดี เกิดจากการพัฒนาตัวเราเอง เราเป็นผู้วางแผนในชีวิตของเราเอง
  • ทรวดทรงอาจไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่ส่วนสัดและท่าทาง ทำให้คนทุกคนดูแตกต่างกันไป บุคลิกที่ไม่ดีแสดงว่าเจ้าของเรือนร่างขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ถ้าได้เรียนรู้วิธีเสริมสร้างเสน่ห์ให้กับบุคลิกภาพของตนเองแล้ว จะไม่เพียงทำให้มีรูปร่างสง่างามเท่านั้น ยังสามารถทำให้การปฏิบัติงานเกิดความเชื่อมั่น งานก็มีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นจึงควรใช้เวลาในการบริหารทรวดทรงของตนเองเป็นประจำอยู่เสมอ เพราะสุขภาพที่ดี และทรวดทรงที่งดงามอีกด้วย


การปรับปรุงบุคลิกภาพภายใน

  • -การยอมรับความจริงเกี่ยวกับตนเอง
  • -การปรับปรุงในส่วนที่ปรับปรุงได้
  • -การใช้สิ่งอื่นๆเพื่อส่งเสริมบุคลิกภาพ

         การส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดีควรส่งเสริมคุณภาพจิตสาธารณะมากำกับ เพื่อบุคคลจะได้ลดละความเห็นแก่ตนในระดับที่พอดำรงชีวิตอยู่ได้ เสียสละ เกื้อกูลคนอื่น เป็นผู้รับในบางโอกาสและเป็นผู้ให้ในบางโอกาส มีจิตใจที่ดีงาม มีร่างกายที่สะอาดสดใสก็เท่ากับว่าบุคคลได้ส่งเสริมหรือพัฒนาบุคลิกภาพแล้วนั่นเอง


การพัฒนาบุคลิกภาพด้านการเรียนรู้
   
        ในโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นครูจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้และเพิมพูนประสบการณ์ให้ตรงกับตนเองอยู่เสมอ เช่น

  • 1.การฟัง
  • 2.การอ่าน
  • 3.การเขียน
  • 4.การสังเกต
  • 5.การคิด
  • 6.การทดลอง


Skill (ทักษะ)

- การคิดวิเคราะห์
- การตอบคำถาม
- การฟัง


Application  (การประยุกต์ใช้)
               
          นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาบุคลิกภาพให้ดูดีและเหมาะสม ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ เมื่อบุคลิกภาพดีก็จะส่งผลดีในทั้งการเรียน การทำงาน 


Technical Education (เทคนิคการสอน)

- เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- ใช้คำถามในการกระตุ้นผู้เรียน
- เทคนิคการใช้คำถาม


Evaluation (การประเมิน)  

Self: เข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน แต่มีบางครั้งที่ง่วงนอน
Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถาม แต่เพื่อนบางคนคุยกันเสียงดัง
Teacher : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย เวลาสอนก็จะสอนแบบละเอียด คอยกระตุ้นให้นักศึกษากระตือรือล้นในการเรียน และใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล สูง ต่ำ ตามจังหวะของการสอน แต่น่าจะกิจกรรมให้ทำระหว่างการเรียนการสอนเพื่อให้นักศึกษาตื่นตัวกับการเรียนมากยิ่งขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น